ในยุคที่เต็มไปด้วยมลภาวะและสารพิษ จะมีอะไรดีไปกว่าการปลูกผักสวนครัวกินเอง เพราะนอกจากจะมั่นใจในความสดอร่อยได้แล้ว ยังไม่ต้องกังวลเรื่องสารพิษตกค้าง หรือราคาผักที่ราคาแพงขึ้นอีกด้วย ดังนั้นถ้าใครมีพื้นที่ในสวนเหลืออยู่ก็อย่ารอช้า ลองมาปลูกผักสวนครัวกินเองเพิ่มสีสันให้สวนของคุณและเพื่อสุขภาพที่ดีของคนในบ้านกันเลยดีกว่าจ้า
1. เลือกที่มีแดดมาก แน่นอนว่าพืชผักสวนครัวของคุณจะเติบโตแข็งแรงได้เต็มที่ ก็ต่อเมื่อได้รับแสงแดดมากพอเท่านั้น เพราะฉะนั้นก่อนจะปลูกก็ควรสังเกตดูว่าแสงแดดมักผ่านเข้ามาทางไหน เพื่อให้ผักของคุณได้รับแสงแดดเต็มที่ทุกฤดู แม้ในช่วงหน้าฝนหรือหน้าหนาวนั่นเอง
2. กะระยะห่างพอสมควร ผักผลไม้แต่ละชนิดต้องการพื้นที่ในการเติบโตแตกต่างกันออกไป เช่น มะเขือเทศควรเว้นระยะห่าง ราว 60 เซนติเมตร ในขณะที่ฟักทองต้องการพื้นที่ประมาณ 120 เซนติเมตร ส่วนผักกะหล่ำนั้นสามารถปลูกในแปลงต่อกันได้เลย เป็นต้น เพราะฉะนั้นควรคำนวณดูก่อนว่าคุณมีพื้นที่ปลูกผักประมาณเท่าไหร่ แล้วลองกะระยะดูว่าพื้นที่ที่มีอยู่เหมาะจะปลูกอะไรได้บ้าง ผักของคุณจะได้เติบโตงอกงามได้เต็มที่
3. เลือกปลูกตามฤดูกาล สภาพอากาศก็เป็นอีกสิ่งที่คุณควรให้ความสำคัญด้วยเช่นกัน เพราะพืชแต่ละชนิดโตได้ดีในอากาศที่ต่างกัน เช่น พืชที่เหมาะกับอากาศหนาวเย็น ได้แก่ บร็อคโคลี่ ผักกะหล่ำ แครอท ผักกาดขาว มันฝรั่ง หัวไชเท้า และผักโขม ในขณะที่พืชจำพวกข้าวโพด แตงกวา มะเขือม่วง พริกไท ฟักทอง และมะเขือเทศจะโตได้ดีในอากาศอบอุ่น เพราะฉะนั้นถ้าคิดจะปลูกพืชหมุนเวียน ก็ควรศึกษาให้ดีก่อนปลูกด้วย
4. เตรียมแปลงปลูกให้เรียบร้อย เพื่อให้แปลงผักสวนครัวของคุณพร้อมเต็มที่ คุณก็ควรใส่ปุ๋ยพรวนดินไว้ก่อนที่จะซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูก จะได้ช่วยให้ดินของคุณผสมกับปุ๋ยจนอยู่ตัวพร้อมจะหว่านเมล็ดได้ทันที อย่างไรก็ดี ไม่ควรทิ้งไว้นานเกิน 3 วันนะคะ ไม่อย่างนั้นสารอาหารต่าง ๆ ในปุ๋ยอาจเสื่อมสภาพลงไปซะก่อน นอกจากนี้ก่อนจะเริ่มปลูกก็ควรศึกษาวิธีปลูกสำหรับผักแต่ละชนิดให้ดีด้วยเหมือนกัน เพราะพืชแต่ละชนิดอาจมีวิธีปลูกแตกต่างกันไป
5. ความสดใหม่ก็สำคัญ แน่นอนว่าเมล็ดพันธุ์ที่เพิ่งเก็บมาสด ๆ นั้น ย่อมแข็งแรงเติบโตได้ดีกว่าแบบที่เก็บนานจนเก่าอยู่แล้ว ดังนั้นเพื่อให้ได้เมล็ดพันธุ์ที่สดใหม่แข็งแรงมาปลูก ก็ควรอ่านฉลากด้านข้างหรือสอบถามเกี่ยวกับเมล็ดพันธุ์ที่ซื้อ เพื่อให้ได้ของใหม่ด้วย หรืออาจถือโอกาสเริ่มต้นซื้อหลังปีใหม่เพื่อให้ได้เมล็ดพันธุ์ที่เพิ่งนำออกขายต้นปีไปเลยก็ได้เช่นกัน
อย่างไรก็ดีเพื่อให้การทำสวนสนุกมากขึ้น อาจชวนลูก ๆ มาช่วยกันปลูก เพื่อจะได้มีกิจกรรมครอบครัวร่วมกัน และสนับสนุนให้เขากินผักฝีมือตัวเองไปในดัวด้วยก็ได้นะคะ