การทำงานของแสลนกรองแสงตรงนั้นตกว่า การหดทอนความแรงแสงแวบให้บางเบาลงเพื่อที่จะไม่ให้พฤกษ์นั้นได้มาความสว่างหนักจนเกินดี การเลือกสรรร้อยละในการกรองแสงของแสลนกรองแสงก็จะขึ้นอยู่กับอย่างของพืชพันธุ์ กับห้วงอายุของพฤกษาที่เราปลูกค่ะ เช่น ในช่วงของการปักชำเล็ด จนถึงห้วงเตรียมประถมกล้าก็ต้องใช้การกรองแสงมากหน่อยประมาณการ 70% ถึง 80% ครับ และเมื่อต้นกล้ามีอายุมากขึ้น จนรอบรู้ย้ายลงแปลงเพาะเลี้ยงได้นั้น ผลรวมแสงที่ได้รับก็ต้องเพิ่มปริมาณ เราเป็นได้ใช้กรองแสงแค่ประมาณ 50% ถึง 60% ก็เพียงพอต่อความต้องประสงค์ของต้นไม้แล้วล่ะ และเผื่อว่าประเภทพืชที่ปลูกสร้างนั้น เป็นต้นฝ่ายที่ไม่ชอบแสงจัดจ้าน ต้องประสงค์ร่มเงา เช่นว่า กล้วยไม้ พฤกษ์กลุ่มนี้ไม่ต้องการแสงปริมาณมากๆ ฉะนั้นเราก็ต้องใช้กรองแสงในผลรวมที่สูงขึ้นซัก 80% กำลังดี
และอีกเรื่องคือ สีของแสลนกรอง ที่มีทั้ง สีดำ และ สีเขียว แล้วเราควรจะใช้สีอะไรดีล่ะ? ทั้ง 2 สีนั้นมีความต่างกันในเรื่องของสีกับแสงและความเห็น อีกนัยหนึ่ง แสลนกรองแสง หรือ ตาข่ายกรองแสง สีดำนั้นจะไม่ไปลบออกค่าความยาวของคลื่นแสง แสงที่ผ่านผ่านแสลนกรองแสงสีดำตรงนั้น จะเป็นแสงขาวเหมือนที่เราเห็นดารดาษ แต่แสลนกรองแสงสีอื่นจะก้องกังวานผ่าค่าความยาวของคลื่นแสงที่เป็นสีเดียวกันกับสีของแสลนกรองแสงนั้นออกไป และพืชก็หมายมั่นแสงสีน้ำเงินและแดงเป็นหลัก ซึ่งรวมอยู่ในแสงสีขาวตรงนั้นอยู่แล้ว ถ้าแสงสีเหล่านี้ถูกตัดทอนออกไปก็จะมีผลต่อการสังเคราะห์แสงสว่าง จนถึงการฟู่ฟ่องเจริญของต้นไม้ครับ ชิ้นส่วนแสลนกรองแสงสีเขียวนั้นเราจะเห็นคนเลือกสรรใช้กันถมยิ่งกว่าสีดำ นั่นก็เนื่องด้วย ประเด็นหนึ่งเลยคือแสลนสีดำเผื่อไว้ความร้อนได้ดีกว่าสีเขียว ตามสรรพคุณของสีดำ ซึ่งส่งผลให้ในระยะยาวแสลนสีดำนั้นจะพุพังเสื่อมคุณลักษณะเร็วกว่าสีเขียวนั่นเอง